การประเมินและบริหารความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของกลุ่มโรงพยาบาลวิชัยเวช

ในฐานะผู้ประกอบการด้านกิจการโรงพยาบาลและบริการสุขภาพชั้นนำ เราตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างครอบคลุม ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการดำเนินงานที่ยั่งยืนขององค์กร การประเมินและบริหารความเสี่ยงนี้จะพิจารณาทั้ง ความเสี่ยงทางกายภาพ (Physical Risks) ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยตรง และ ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่าน (Transition Risks) ซึ่งเกิดจากกระบวนการปรับตัวไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ โดยมุ่งเน้นการบูรณาการความเสี่ยงเหล่านี้เข้ากับการบริหารจัดการระดับองค์กร เพื่อให้สามารถรับมือกับผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพและรักษาไว้ซึ่งคุณภาพการบริการทางการแพทย์

1. ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risks)

ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ

  • การสูญเสียความสามารถในการแข่งขันฃ

หากบริษัทฯ ไม่สามารถปรับตัวตามความต้องการของผู้ป่วยที่ตระหนักถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่เชื่อมโยงกับสภาพภูมิอากาศ หรือไม่สามารถพัฒนากลยุทธ์ด้านความยั่งยืนที่ชัดเจน อาจส่งผลให้สูญเสียความได้เปรียบทางการแข่งขัน

  • การเสียโอกาสทางธุรกิจ

การพลาดโอกาสในการลงทุนในเทคโนโลยีหรือบริการทางการแพทย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การแพทย์ทางไกลที่ลดการเดินทางของผู้ป่วย หรือการพัฒนาแนวคิดโรงพยาบาลสีเขียว

  • การวางแผนระยะยาวที่คลาดเคลื่อน

การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับการขยายธุรกิจ หรือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่โดยไม่ได้พิจารณาถึงความเสี่ยงทางกายภาพ เช่น การเลือกทำเลที่ตั้งในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ หรือความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านอย่างรอบด้าน

แนวทางการบริหารความเสี่ยง

  • การบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับวิสัยทัศน์และพันธกิจ

กำหนดให้การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลักและนโยบายระดับองค์กร

  • การวิเคราะห์แนวโน้มและโอกาส

ศึกษาแนวโน้มของโรคที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อพัฒนาบริการทางการแพทย์เฉพาะทางใหม่ ๆ และพิจารณาโอกาสจากการใช้เทคโนโลยีสะอาดหรือการเป็นผู้นำในด้านการดูแลสุขภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  • การประเมินพอร์ตการลงทุนและการขยายธุรกิจ

พิจารณาความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศอย่างรอบด้านในการตัดสินใจลงทุนสร้างโรงพยาบาลใหม่ หรือขยายสาขา รวมถึงการจัดหาเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

2. ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติงาน (Operational Risks)

ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ

  • การหยุดชะงักของการให้บริการ
    • ภัยพิบัติทางกายภาพ (อุทกภัย, พายุ, ไฟไหม้): ทำให้โครงสร้างอาคารโรงพยาบาล, อุปกรณ์ทางการแพทย์, และระบบสาธารณูปโภค (ไฟฟ้า, น้ำประปา) ได้รับความเสียหาย รวมถึงการที่เส้นทางการเข้าถึงโรงพยาบาลถูกตัดขาด ส่งผลให้ไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยได้ตามปกติ
    • การขาดแคลนทรัพยากร เช่น ภัยแล้งรุนแรงอาจกระทบต่อการจัดหาน้ำประปาที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของโรงพยาบาลในปริมาณมาก เช่น การผ่าตัด, การทำความสะอาด, ซักรีด
    • ห่วงโซ่อุปทานสะดุด การขนส่งยา, เวชภัณฑ์, หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์อาจเกิดความล่าช้าหรือหยุดชะงัก เนื่องจากปัญหาด้านการขนส่งที่เกิดจากสภาพอากาศที่แปรปรวน
  • ประสิทธิภาพการดำเนินงานลดลง
    • อุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระบบปรับอากาศและระบบทำความเย็นทำงานหนักขึ้น เพิ่มภาระในการบำรุงรักษาและเสี่ยงต่อการขัดข้อง นอกจากนี้ มลภาวะทางอากาศที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศภายในอาคาร หากระบบกรองอากาศไม่เพียงพอ
  • ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
    • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากภาระด้านพลังงาน ทั้งไฟฟ้า น้ำมัน ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและซ่อมแซมความเสียหายจากภัยพิบัติ รวมถึงต้นทุนการจัดการของเสียทางการแพทย์ที่อาจมีข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น

แนวทางการบริหารความเสี่ยง

  • การสร้างความยืดหยุ่นของโครงสร้างพื้นฐาน
    • ทบทวนและฝึกซ้อมแผนการบริหารจัดการภาวะฉุกเฉิน ที่ครอบคลุมการรับมือกับภัยพิบัติ เช่น แผนการอพยพผู้ป่วย และการป้องกันอุปกรณ์สำคัญ อย่างสม่ำเสมอ
    • ลงทุนใน ระบบสำรองไฟฟ้า น้ำ การสื่อสาร และเสริมความแข็งแรงของอาคารให้ทนทานต่อสภาพอากาศสุดขั้ว
  • การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
    • ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศของซัพพลายเออร์หลัก และพิจารณาการมีซัพพลายเออร์สำรอง หรือ กระจายแหล่งจัดหาเพื่อลดการพึ่งพิง
  • การเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้ทรัพยากร
    • พลังงาน: ติดตั้ง Solar Rooftop และอัปเกรดระบบปรับอากาศ รวมถึงระบบแสงสว่าง เป็นอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน
    • น้ำ: ติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดน้ำ และพิจารณาระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดูแลผู้ป่วย เช่น การรดน้ำต้นไม้
    • การจัดการของเสีย: ลดปริมาณของเสีย คัดแยกและรีไซเคิลของเสียที่ไม่ติดเชื้อ และพัฒนากระบวนการบำบัดของเสียติดเชื้อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3. ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risks)

ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ

  • ต้นทุนที่สูงขึ้น

การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น ค่าพลังงาน, ค่าน้ำ, ค่าจัดการของเสีย รวมถึงค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม

  • เบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้น

บริษัทประกันภัยอาจปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยสำหรับทรัพย์สินหรือการหยุดชะงักทางธุรกิจ เนื่องจากความถี่และความรุนแรงของภัยพิบัติที่เพิ่มขึ้น

  • การเข้าถึงแหล่งเงินทุนจำกัด

นักลงทุนและสถาบันการเงินให้ความสำคัญกับปัจจัยด้าน ESG (Environmental, Social, Governance) มากขึ้น หากบริษัทไม่มีผลงานที่ดีด้านความยั่งยืน อาจส่งผลต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุน หรือต้องเผชิญกับต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น

  • การด้อยค่าของสินทรัพย์

สินทรัพย์บางประเภทที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ หรือไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต อาจมีการประเมินมูลค่าลดลง

แนวทางการบริหารความเสี่ยง

  • การวิเคราะห์ต้นทุน-ผลประโยชน์

ประเมินผลตอบแทนจากการลงทุนในมาตรการลดความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศอย่างรอบด้าน เพื่อให้เห็นถึงประโยชน์ในระยะยาว เช่น การประหยัดพลังงาน

  • การจัดทำแผนงบประมาณระยะยาว

จัดสรรงบประมาณที่เพียงพอสำหรับการลงทุนในมาตรการลดความเสี่ยงและการสร้างความยืดหยุ่นด้านสภาพภูมิอากาศ

  • การพิจารณาผลิตภัณฑ์ทางการเงินสีเขียว

สำรวจโอกาสในการเข้าถึง Green Bonds หรือ Green Loans ที่มีเงื่อนไขผ่อนปรนสำหรับธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม

  • การเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG

รวบรวมข้อมูลและจัดทำ รายงานผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างโปร่งใส ตามมาตรฐานสากล เพื่อดึงดูดนักลงทุนที่มีความรับผิดชอบและสร้างความน่าเชื่อถือ

4. ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ (Regulatory Risks)

ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ

  • การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย

การออกกฎหมายหรือระเบียบใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การใช้พลังงาน, การจัดการน้ำ, หรือการจัดการของเสียทางการแพทย์ที่เข้มงวดขึ้น อาจทำให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามได้ทันเวลา

  • บทลงโทษและค่าปรับ

การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมาย, ค่าปรับ, หรือการเพิกถอนใบอนุญาตการดำเนินงาน

  • ภาระด้านการรายงานข้อมูล

ข้อกำหนดในการรวบรวมและเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรและระบบในการจัดการข้อมูลจำนวนมาก

แนวทางการบริหารความเสี่ยง

  • การติดตามกฎหมายและนโยบาย

จัดตั้งทีมงานหรือกลไกในการติดตามและวิเคราะห์กฎหมาย, นโยบาย, และมาตรฐานใหม่ๆ ทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

  • การปรับปรุงนโยบายและกระบวนการภายใน

ปรับปรุงนโยบายการดำเนินงานและพัฒนากระบวนการควบคุมภายในให้สอดคล้องกับกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

  • การมีส่วนร่วมกับภาครัฐ

เข้าร่วมหารือหรือให้ข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐในการร่างกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กฎระเบียบมีความเหมาะสมและสามารถปฏิบัติได้ในภาคธุรกิจโรงพยาบาล

5. ความเสี่ยงด้านบุคลากร (Workforce Risks)

ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ

  • สุขภาพของบุคลากรที่แย่ลง

บุคลากรทางการแพทย์อาจเผชิญกับ ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศโดยตรง เช่น โรคจากความร้อน โรคระบบทางเดินหายใจจากมลพิษทางอากาศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ ความสามารถในการทำงาน และ กำลังคน (Workforce availability)

  • การเดินทางและการเข้าถึงสถานที่ทำงาน

ในช่วงที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรง การเดินทางของบุคลากรมายังโรงพยาบาลอาจเป็นไปได้ยากหรือเป็นอันตราย ทำให้เกิดการขาดแคลนบุคลากรในการปฏิบัติงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน

  • การรักษาบุคลากร (Talent Retention)

บุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่มีความตระหนักและให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หากองค์กรไม่แสดงความรับผิดชอบหรือมีมาตรการที่ชัดเจน อาจส่งผลต่อความยากลำบากในการดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีศักยภาพไว้ในระยะยาว

แนวทางการบริหารความเสี่ยง

  • มาตรการส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัย
    • จัดให้มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อุณหภูมิสูง หรือมีความเสี่ยงต่อมลภาวะ เช่น ระบบระบายอากาศและกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพ
    • ให้ความรู้และแนวปฏิบัติแก่บุคลากรในการป้องกันตนเองจากผลกระทบของสภาพภูมิอากาศ
  • แผนความต่อเนื่องในการปฏิบัติงานของบุคลากร
    • พัฒนาแผนสำรองบุคลากรในกรณีที่เกิดภัยพิบัติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน
    • พิจารณามาตรการสนับสนุนการเดินทาง หรือการจัดที่พักชั่วคราวสำหรับบุคลากรในช่วงวิกฤต
  • การสร้างค่านิยมองค์กรด้านความยั่งยืน
    • สื่อสารและส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
    • เปิดโอกาสให้บุคลากรได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมด้านความยั่งยืนของโรงพยาบาล

6. ความเสี่ยงด้านผู้ป่วย (Patient Risks)

ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ

  • ภาระโรคที่เพิ่มขึ้น

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้เกิด การระบาดของโรคที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ เช่น ไข้เลือดออก โรคระบบทางเดินหายใจ ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับบริการเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจเกินขีดความสามารถในการรองรับของโรงพยาบาล

  • การเข้าถึงบริการทางการแพทย์

ภัยพิบัติทางธรรมชาติอาจทำให้ ผู้ป่วยไม่สามารถเดินทางมายังโรงพยาบาลได้ หรือการขนส่งผู้ป่วยฉุกเฉินเป็นไปได้ยาก ทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที

  • สุขภาพของผู้ป่วยในโรงพยาบาล

ผู้ป่วยที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลมีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ หรือคุณภาพอากาศที่แย่ลง หากระบบควบคุมสภาพแวดล้อมภายในโรงพยาบาลขัดข้อง

แนวทางการบริหารความเสี่ยง

  • การเตรียมความพร้อมรับมือโรคอุบัติใหม่/อุบัติซ้ำ
    • พัฒนาระบบเฝ้าระวังโรค ที่เชื่อมโยงกับข้อมูลสภาพภูมิอากาศ
    • จัดหาและบริหารจัดการคลังยา, วัคซีน, เวชภัณฑ์ ที่จำเป็นสำหรับการรับมือกับโรคที่เพิ่มขึ้น
    • เตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและอุปกรณ์ เพื่อรองรับผู้ป่วยจำนวนมากในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • การอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงบริการ
    • พัฒนาระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เพื่อให้คำปรึกษาและติดตามอาการผู้ป่วยได้จากระยะไกล
    • สร้างเครือข่ายความร่วมมือ กับสถานพยาบาลหรือหน่วยงานกู้ภัยในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือการขนส่งผู้ป่วย
  • การดูแลสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาล
    • ตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบปรับอากาศและระบบกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คุณภาพอากาศภายในโรงพยาบาลอยู่ในระดับที่ดีที่สุด
    • มีแผนสำรองสำหรับการจัดการอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมในห้องผู้ป่วยวิกฤตในกรณีที่ระบบหลักขัดข้อง

7. ความเสี่ยงด้านชื่อเสียงและภาพลักษณ์องค์กร (Reputational Risks)

ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ

  • การรับรู้เชิงลบของสาธารณะ

หากบริษัทถูกมองว่าไม่ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม หรือถูกเชื่อมโยงกับการปล่อยมลพิษ หรือไม่สามารถจัดการกับผลกระทบจากภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจส่งผลเสียต่อ ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ

  • การสูญเสียความไว้วางใจ

ผู้ป่วย คู่ค้า และสาธารณะ อาจขาดความไว้วางใจ หากโรงพยาบาลไม่สามารถรักษาระดับการบริการ หรือเกิดความเสียหายจากภัยพิบัติที่อาจป้องกันได้

แนวทางการบริหารความเสี่ยง

  • การสื่อสารอย่างโปร่งใสและสม่ำเสมอ
    • จัดทำและเผยแพร่รายงานความยั่งยืน (Sustainability Report) หรือรายงาน ESG ที่ได้มาตรฐาน เพื่อแสดงความมุ่งมั่นและความก้าวหน้าในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม
    • สื่อสารกิจกรรมและโครงการด้านความยั่งยืน ของโรงพยาบาลผ่านช่องทางต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
  • การมีส่วนร่วมกับชุมชนและสังคม
    • ดำเนินโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพในบริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    • ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนชุมชน ในยามเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นองค์กรที่รับผิดชอบ

การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นระบบและครบวงจรในทุกมิติที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยให้เราสามารถรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ ลดผลกระทบเชิงลบ และสร้างโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเป็นผู้นำในการยกระดับมาตรฐานการดูแลสุขภาพที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างแท้จริง